4 ปัจจัยหลักในการเลือกซื้อเลื่อยวงเดือน โต๊ะเลื่อยวงเดือน เลื่อยวงเดือน เป็นเครื่องมือช่างพื้นฐานที่สำคัญในการทำงานไม้ เป็นเลื่อยอเนกประสงค์ที่สามารถใช้งานได้หลากหลาย เช่น ตัด ซอย บังใบ ตัดเข้ามุม ตัดเรียวและทำเดือยแบบต่างๆ สำหรับคนที่อยากจะทำงานไม้และกำลังมองหาเลื่อยวงเดือนมาใช้งาน แต่ก็ไม่รู้ว่าควรจะเลือกเลื่อยวงเดือนตัวไหนดี wongtools.com จะแนะนำวิธีตัดสินใจเลือกซื้อเลื่อยวงเดือน ซึ่งแบ่งเป็นทั้งหมด 4 ปัจจัย ดังนี้ 1. งบประมาณ ปัจจุบันตลาดเครื่องมือช่างมีการแข่งขันค่อนข้างสูง มีเครื่องมือช่างให้เลือกซื้อมากมาย หลายราคา หลายเกรด สำหรับลูกค้าที่ต้องการหาซื้อเลื่อยวงเดือนไว้ติดบ้าน ไม่ได้ใช้งานหนักหรือใช้งานเป็นประจำ สามารถเลือกซื้อเลื่อยวงเดือนราคาถูกได้ที่ แต่ถ้าลูกค้าต้องการเลื่อยวงเดือนที่คุณภาพดี มีการรับประกัน ก็แนะนำให้เลือกซื้อจากแบรนด์ที่มีชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือ เช่น PUMPKIN TOTAL ราคากลางๆ ไม่ถูกไม่แพงเกินไป หรือยี่ห้อดีๆ เหมาะกับงานหนัก อย่าง MAKITA MAKTEC เป็นต้น ราคาก็จะค่อนข้างแพง 2. ขนาดและประเภทของวัสดุที่ต้องการตัด โดยทั่วไปเลื่อยวงเดือนมีหลายรูปแบบหลายขนาดแล้วแต่รุ่นที่แต่ละบริษัทผู้ผลิตได้ผลิตออกมา ขนาดของเลื่อยวงเดือนจะกำหนดตามขนาดของเส้นผ่าศูนย์กลางของใบเลื่อย ซึ่งจะมีขนาดตั้งแต่ 4 นิ้ว – 16 นิ้ว ขนาดของชิ้นงานที่สามารถตัดได้ขึ้นอยู่กับขนาดของเลื่อยวงเดือน ถ้าใบเลื่อยเล็กก็ใช้ตัดชิ้นงานที่มีความหนาไม่มาก ถ้าใบเลื่อยใหญ่ก็ตัดชิ้นงานที่มีความหนามากๆ ได้ ซึ่งเลื่อยวงเดือนที่คนนิยมใช้กันคือ เลื่อยวงเดือนขนาด 7 นิ้ว สามารถตัดไม้ที่มีความหนาทั่วไปได้ ขนาดกำลังพอดี ไม่หนักเกินไปจนเทอะทะ ขาดความคล่องตัว จำนวนฟันของใบเลื่อยเป็นปัจจัยที่ต้องพิจารณาในการเลือกซื้อเลื่อยวงเดือน นอกเหนือจากขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางของใบเลื่อย ซึ่งจำนวนฟันจะใช้สัญลักษณ์คือ T เช่น 24T, 30T, 40T, 60T, 100T เป็นต้น ยิ่งมีจำนวนฟันเลื่อยมาก จะตัดได้เนียน ไม้ไม่แตกเป็นเสี้ยน แต่ก็จะตัดได้ช้าและกินแรงตัวเลื่อย (รวมถึงคนตัด) เหมาะกับการตัดขวางเสี้ยนไม้ เช่น ใบเลื่อย 40T ขนาด 7″ ส่วนถ้าจำนวนฟันเลื่อยน้อยก็ให้ผลตรงข้ามกัน เหมาะกับการซอยไม้ตามแนวเสี้ยนไม้หรือตามยาว เช่น ใบเลื่อย 24T ขนาด 7″ – ใบเลื่อยวงเดือน 7” 24 ฟัน เหมาะสำหรับตัดไม้เนื้อแข็ง เช่น ไม้หน้าสาม ไม้เต็ง ไม้รัง – ใบเลื่อยวงเดือน 7” 30 ฟัน เหมาะสำหรับตัดไม้โครง ไม้อัด งานเฟอร์นิเจอร์ – ใบเลื่อยวงเดือน 7” 40 ฟัน เหมาะสำหรับงานตัดไม้อัดที่มีความแข็งปานกลาง เพราะเวลาเลื่อยเนื้อไม้จะไม่แตกหัก – ใบเลื่อยวงเดือน 7” 60 ฟัน เหมาะสำหรับงานตัดอะคริลิค – ใบเลื่อยวงเดือน 10” 100-120 ฟัน เหมาะสำหรับงานตัดอลูมิเนียม กรณีที่ต้องมีการใช้งานต่อเนื่อง ตัดไม้เป็นจำนวนมาก โต๊ะเลื่อยวงเดือนดีก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง เพราะไม่ต้องถือตัวเครื่องให้เมื่อย สามารถตัดไม้ได้สะดวกและเร็วกว่า 3. ความเร็วรอบ – เลื่อยวงเดือนจะมีความเร็วรอบอยู่ในช่วง 4,000-6,000 รอบต่อนาที ซึ่งเป็นความเร็วรอบที่เหมาะสมกับการตัดไม้ ถ้าความเร็วรอบต่ำมากจะทำให้ไม้ที่ตัดเกิดการแตกหรือเกิดเสี้ยน ถ้าความเร็วรอบสูงเกินไปก็จะเกิดรอยไหม้ที่เนื้อไม้ตรงรอยตัด – การตัดพลาสติกจะใช้ความเร็วรอบในช่วงเดียวกับการตัดไม้ แต่สามารถใช้ความเร็วรอบต่ำกว่าได้เพราะไม่เกิดเสี้ยนเหมือนเนื้อไม้ ถ้าความเร็วสูงเกินจะเกิดความร้อน ทำให้ขอบละลายหรือย้วยและบิดแอ่นหากแผ่นพลาสติกบาง – อลูมิเนียมต้องใช้ความเร็วรอบต่ำ ประมาณแค่ 1,200-1,500 รอบต่อนาที เพราะจะเกิดความร้อนสะสมสูงที่ใบตัด ทำให้เสื่อมเร็วและเป็นอันตรายต่อผู้ใช้ 4. อะไหล่และบริการหลังการขาย นอกจากลูกค้าจะพิจารณาสเปกของเลื่อยวงเดือนแล้ว ประกันและบริการหลังการขายก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ลูกค้าใช้ตัดสินใจในการเลือกซื้อ ซึ่งระยะเวลาการรับประกันตัวสินค้าจะแตกต่างกันแล้วแต่ร้านค้าที่กำหนด หรือถ้าเป็นแบรนด์ที่มีชื่อเสียงก็จะมีการรับประกันจากบริษัทผู้ผลิตโดยตรง ร้านค้าที่มีการรับประกันสินค้าอย่างชัดเจนและบริการหลังการขายที่ดี มีโอกาสในการขายสินค้าได้สูงตามไปด้วย รวมถึงโอกาสที่ลูกค้าจะกลับมาเลือกซื้อกับร้านเดิมอีกครั้ง ในกรณีที่สินค้าหมดประกันแล้ว ลูกค้ามักกังวลว่าถ้าสินค้ามีปัญหาจะสามารถหาซื้ออะไหล่ได้ที่ไหนโดยเฉพาะเครื่องมือช่างราคาถูกทั่วไป ที่ไม่ใช่แบรนด์ดัง ซึ่งในปัจจุบันเครื่องมือช่างเหล่านี้ ทั้งสว่าน เครื่องเจียร เลื่อยวงเดือน หรือโต๊ะเลื่อยวงเดือน จะผลิตมาให้สามารถใช้กับอะไหล่ของยี่ห้อ MAKITA MAKTEC PUMPKIN ฯลฯ ได้ โดยสังเกตจากโมเดลของเลื่อยวงเดือนที่เราใช้ เช่น รุ่น 580 สามารถใช้อะไหล่ของ MAKTEC MT580 ได้ เป็นต้น #เกร็ดน่ารู้คู่คิดช่าง ขอขอบคุณข้อมูล : https://shorturl.asia/BxfmH

Share on facebook
Share on twitter
Share on email
Share on print